เดินในป่าเขาแผงม้า
เดินในป่าเขาแผงม้า
ผมมีโอกาสได้เดินทางร่วมกับชุดลาดตระเวนในพื้นที่ป่าเขาแผงม้า จากป่าทางทิศตะวันตกถึงป่าทางทิศตะวันออก ในพื้นที่มีเส้นทางรถยนต์เก่าๆสมัยยุคปลูกป่ากระจายไปตามสันเขาแต่เส้นทางมันถูกปกคลุมด้วยต้นไม้ที่เกิดขึ้นใหม่และเถาวัลย์ ทำให้การเดินตามเส้นทางเดิมค่อนข้างลำบาก ต้องใช้มีดเปิดทางเป็นระยะ
ถ้าหากดูจากแผนที่สภาพของป่าเขาแผงม้าจะเต็มไปด้วยสันเขา กับร่องห้วยมีที่ราบน้อยมาก เมื่อเราเดินจากฝั่งตะวันตกก็จะเริ่มเดินขึ้นสันเขาผ่านทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยร่องรอยกระทิง เมื่อเลยขึ้นสู่สันเขามอหมีน้อย ตรงนี้จะหยุดพักเหนื่อยรับลมเย็น มองย้อนหลังกลับลงมาก็จะเห็นวิวด้านล่าง จากแนวเขตฯป่าไปจนถึงอ่างเก็บน้ำบ้านสันกำแพงและแนวสันเขาสลับซับซ้อนเลยไปถึงปากช่อง ถ้าเป็นช่วงฤดูฝนก็จะเห็นต้นไม้ และภูเขาบางจุดที่ชาวบ้านเริ่มไถแปรที่โล่ง โล้นเตียนสีแดงผสมผสานกับบ้านและรีสอร์ทกระจายไปจนสุดสายตา
เมื่อหายเหนื่อยก็ออกเดินทางต่อ คราวนี้เดินตามสันเขาลาดลงไปสู่โป่งแดง โป่งขาว มองจากที่โล่งเห็นกระทิงกลุ่มย่อยๆสิบกว่าตัวนอนพักใต้ร่มไม้ใกล้ๆโป่งยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นกลัวแต่อย่างใด คงป็นเพราะทิศทางของลมที่หอบเอากลิ่นพวกเราไปอีกทาง แต่เส้นทางเดินบังคับต้องเดินผ่านโป่งหมายความว่าเราต้องเดิน่านฝูงกระทิงก่อนเข้าสู่หุบบ้านช้างป่า เมื่อเดินเข้าใกล้ในระยห้าสิบเมตรกระทิงทั้งฝูงก็ลุกผลึบผลับพร้อมกัน บางส่วนหันหลังวิ่งหลบเข้าป่า ยังเหลือตัวเมียเขาโค้งรูปหัวใจเชิดหน้าจ้องมาทางเรา มันคงเป็นหัวหน้าฝูงและกำลังทำหน้าที่ปกป้องลูกฝูงของมัน ต่างฝ่ายต่างหยุดนิ่งเผชิญหน้า ผมหมายตาไปที่ต้นไม้ข้างๆต้นเดียว ถ้าฝ่ายตรงข้ามพุ่งเข้ามาคิดว่าทุกคนน่าจะคิดเหมือนกันคือไปสิงสถิตย์บนต้นไม้ แล้วในที่สุดการเผชิญหน้าก็สิ้นสุดลงเมื่อฝ่ายกระทิงยอมถอยด้วยการกระทืบเท้ากับพื้นและพ่นลมออกทางจมูกเสียงดังฟีดฟ้าดหันหลังวิ่งตามฝูงหลบเข้าป่าไป ทุกคนโล่งใจ
เหตุกาณ์ที่่ผ่านมาเหมือนกับได้เดินในทุ่งซาฟารีที่แอฟริกา มันสุ่มเสี่ยงมากเพราะไม่มีเกาะกำบัง ไม่ได้อยู่บนรถ เราออกเดินทางต่อมุ่งหน้าต่อไปสู่หุบบ้านช้างป่า ที่ดูรกทึบมีต้นยางสูงใหญ่ไม่กี่ต้นเสียง กก กก ของนกกกร้องแว่วมามาจากด้านหน้า แสดงว่าบริเวณนี้เป็นที่อยู่อาศัยและมีผลไม้อย่างสมบูรณ์ อาศัยเดินตามร่องของคลองเสมา เดินตัดขึ้นสู่ยอดเขาแผงม้าซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานเก่า ผ่านหนามหวายและเถาวัลย์ที่รกทึบแบบทุลักทุเลเป็นเวลาเที่ยงครึ่งแล้วหยุดพักกินข้าวเที่ยงที่นี่
หลังจากกินข้าวเที่ยงพักผ่อนเสร็จก็ออกเดินทางต่อมุ่งหน้าสู่หุบป่าทองหลาง เป็นการเดินทางลงจากยอดเขาแต่สภาพป่ายังเหมือนเดิมเต็มไปด้วยเถาวัลย์และหนามหวาย โชคดีมีด่านกระทิงทำให้เราเดินได้สะดวกขึ้นเป็นบางครัั้ง ร่องรอยกระทิงยังคงปรากฎให้เห็นตลอดส้นทาง ส่วนต้นมะเดื่อ ต้นไทรและต้นหมีเหม็นที่อยู่ตามเส้นทางเดินจะพบร่องรอยหมีปีนขึ้นหักกินลูกสุกมีรอยเก่าบ้างใหม่บ้าง ถึงแม้ไม่ได้เห็นตัวจริงแต่ก็รู้สึกตื่นเต้นดี
ด่านกระทิงค่อยๆลาดลงจนมาถึงก้นห้วย รอบๆบริเวณน้ำซึมออกมา มีน้ำขังตามหลุมบ่อ ที่นี่่น่าจะเป็นแหล่งน้ำซับตลอดทั้งปี ในช่วงที่แล้งสุดๆ สัตว์ต่างๆคงผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมากินน้ำตลอดทั้งวัน ถ้ามีการส่งเสริมให้คนเข้าไปนั่งเฝ้าถ่ายภาพสัตว์ป่า ซึ่งมีช่างภาพแนวนี้จำนวนมาก คงจะช่วยลดปัญหาหรือช่วยแก้ปัญหาการลักลอบล่าสัตว์ป่าได้เป็นอย่างดีและมีประสิทธิภาพมากอันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ
เมื่อออกเดินทางต่อราวสามสิบนาทีเราก็ออกสู่ที่โล่งแนวเขตฯด้านตะวันออกเป็นเส้นทางรถยนต์และเดินตามเส้นทางไปทาด้านขวามือไม่นานก็ถึงฐานปฏิบัติการหุบทองหลาง-ป่าสักเป็นอันสิ้นสุดการเดินทางท่องป่าเขาแผงม้าแบบยาวๆ ซึ่งจะไม่เหมือนกันกับการเดินในเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่มีระยะสั้นๆ
ในป่าย่อมจะมีสัตว์ป่าครับการเดินทางในป่า เราต้องมีการสังเกตุตามเส้นทางเดิน ทั้งบนต้นไม้ พื้นดิน ฟังเสียงเราจะได้เรียนรู้ธรรมชาติ มองให้ไกลๆ ให้เห็นสันเขาทอดตัวสูงต่ำ อย่าพยายามก้มเดินนานๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นจะทำให้เราหลงทิศทางและหลงป่าได้ง่ายๆ
เป็นเรื่องการเดินป่า ยังมีเรื่องเล่าอีกมากมายครับที่ผมจะพยายามเขียนไว้ในบล็อกแห่งนี้ ใครที่เข้ามาอ่านแล้วถูกใจฝากกดไลค์และกดติดตามด้วยนะครับ...ขอขอบคุณที่เข้ามาอ่านทุกท่านครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น