khao phaeng ma forest
ป่าเขาแผงม้าอยู่ที่ไหน สำคัญอย่างไร?
พูดถึงป่าเขาลำเนาไพรผู้เขียนเองก็เดินทางเข้าๆออกๆป่าอยู่เป็นประจำ พอมีประสบการณ์ที่จะนำมาเล่าสู่กันฟัง ในยุคดิจิทัลที่คนส่วนใหญ่จดจ้องอยู่ที่หน้าจอมือถือมีเรื่องราวมากมายให้ค้นหา การเดินทางก็เป็นอีกเรื่องราวหนึ่งที่ผู้คนให้ความสนใจและถ้าเป็นการเดินทางท่องเที่ยวในป่าผมขอแนะนำป่านี้เลยครับ "ป่าเขาแผงม้า" ก่อนจะตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวทั้งที เพื่อให้เกิดความรอบครอบเรามาทำความรู้จักป่านี้เสียก่อน
ป่าเขาแผงม้า ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาสันกำแพงในเขตควบคุมของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ฝั่งอำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา เพราะมีพื้นที่เป็นป่าผืนเดียวกัน สัตว์ป่าใช้ประโยชน์ร่วมกัน ในอดีตป่าแถบนี้ได้จัดให้มีการสัมประทานป่าไม้และการเข้าไปยึดถือครอบครองของราษฎรแผ้วถาง ต้นไม้ใหญ่น้อยถูกโค่นล้มทำการเกษตรในที่สุดก็กลายเป็นเขาหัวโล้น เป็นไร่ข้าวโพดและไร่มันสำปะหลัง เมื่อปี 2537-2540 ทางมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทยในพระรมราชูปถัมภ์ ได้ขอพื้นที่จากราษฎรคืนและทำการปลูกป่า ในช่วงปี 2538 เจ้าหน้าที่มุลนิธิฯจึงได้พบเห็นกระทิงซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองขนาดใหญ่ราว 8-10 ตัวเข้ามาในพื้นที่อาศัยหากินอยู่ประจำและเพิ่มประชากรขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯต้องขอขยายเวลาดูแลพื้นที่ป่าต่อออกไปอีกจนถึงปี 2545 ทำให้กระทิงมีประชากรเพิ่มมากขึ้นประกอบกับมีผู้คนเข้ามาขอใช้พื้นที่ทำกิจกรรมปลูกป่า ทำฝายกักน้ำ ทำโป่งเทียมการได้พบเห็นกระทิงทำให้มีการบอกเล่ากันต่อเนื่อง ในที่สุดป่าแห่งนี้ก็กลายเป็นสถานที่ดูสัตว์ป่ายอดฮิตสำหรับผู้คนที่รักธรรมชาติในช่วงเวลานั้น เมื่อสิ้นสุดช่วงเวลาดูแลรักษาป่าของมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูประถัมภ์แล้ว กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชจึงได้รับมอบไม้ต่อในการดูแลป่าเขาแผงม้า แต่ก็ยังประสานงานกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯเดิม ช่วยกันสร้างเสริมกิจกรรมเพื่อการอนุรักษ์เรื่อยมาจนถึงต้นปี 2554 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธ์พืช จึงได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ 4 นาย จากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จ.ชัยภูมิ เข้าไปควบคุมพื้นที่ป่าเขาแผงม้าเพื่อเตรียมประกาศให้เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเนื้อที่ 5,000 ไร่ จนปลายปี 54 ในราวเดือนกันยายน จึงสามารถประกาศให้ป่าเขาแผงม้าเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าได้ด้วยความเห็นชอบของชุมชนหมู่บ้านจนถึงกรรมการระดับกรม ทำให้การดูแลรักษาสัตว์ป่าเป็นไปอย่างมีระบบ จนทำให้สัตว์ป่าอย่างกระทิงเพิ่มประชากรมากขึ้น มีนักวิจัยที่เข้ามาสำรวจแบบนับจำนวนพร้อมกัน 10 จุด เมื่อปีที่ผ่านมาพบกระทิงประมาณ 250 ตัวบวกและลบทำไมต้องบวกก็เพราะว่าเราไม่อาจพบเห็นกระทิงได้ทุกตัวหรอกบางกลุ่มบางฝูงอาจหลบอยู่ในป่าเรามองไม่เห็น หรือมันลบบางตัวอาจถูกหมาในล่าหรือป่วยตาย นั่นเป็นเรื่องวิชาการที่จะว่ากันต่อไปสำหรับการท่องเที่ยวดูสัตว์ป่าแล้วการได้พบเห็นกระทิงฝูงใหญ่80-100 ตัวอยู่บนทุ่งหญ้าสีเขียวเป็นเรื่องอัศจรรย์ของป่าที่หาดูยากจริงๆ
- เมื่อท่านเดินทางมาตามถนน 304 ขึ้นมาจากจังหวัดปราจีนบุรีมุ่งสู่จังหวัดนครราชสีมาถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ที่ 5 (กม.80) ให้ท่านขับรถเลี้ยวซ้ายไปตามถนน 3052 วังน้ำเขียวไปปากช่องขับต่อไปประมาณ 15 กม.ให้ท่านเลี้ยวซ้ายเข้าหมู่บ้านคลองทราย โดยสังเกตุป้ายชื่อหมู่บ้านและมีศาลาเล็กๆอยู่ปากทาง ขับต่อไปจนถึงหน้าวัดเป็นสามแยกให้ท่านเลี้ยวซ้ายอีกครั้งแล้ววิ่งตรงไปตามเส้นทางจนเลยท้ายหมู่บ้าน ทางยังเป็นคอนกรีตและไร่ข้าวโพดนะครับ ไม่ต้องตกใจวิ่งไปเลื่อยๆ ผ่านไร่บุญเสริมทางขวามือ ผ่านบ้านพุทธิธานทางซ้ายมือ จนออกสู่สามแยกด้านหน้าจะมองเห็นรั้วไฟฟ้าทีนี้ท่านก็วิ่งทางซ้ายตามรั้วไฟฟ้าและถนนลาดยางครับอีกประมาณ 2 กม.ก็ถึงแล้วด่านเก็บค่าบริการและจุดชมวิวจุดสกัดเขาสูง
- เมื่อท่านเดินทางมาตามถนน 304 ขึ้นมาจากจังหวัดนครราชสีมามุ่งสู่จังหวัดปราจีนบุรีถึงตลาด79 วิ่งเลยมาจนถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ที่ 5 (กม.80)ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ให้ท่านกลับรถข้ามไปหน้าหน่วยฯและเลี้ยวซ้ายไปตามถนน 3052 วังน้ำเขียวไปปากช่องขับต่อไปประมาณ 15 กม.ให้ท่านเลี้ยวซ้ายเข้าหมู่บ้านคลองทราย
- เมื่อท่านเดินทางมาจากกรุงเทพตามถนนมิตรภาพมุ่งสู่จังหวัดนครราชสีมา ถึงอำเภอปากช่องให้ท่านมุ่งหน้าสู่อุทยานแหงชาติเขาใหญ่ ก่อนถึงด่านเก็บค่าบริการประมาณ 100 เมตร ให้ท่านขับรถเลี้ยวซ้ายไปตามถนน 3052 ปากช่องไปวังน้ำเขียวขับต่อไปประมาณ 60-70 กม.ข้อสังเกตุคือท่านต้องผ่านอ่างเก็บน้ำบ้านสันกำแพงก่อน แล้วขับต่อมาอีกประมาณ 5 กม.ทางซ้ายมือจะมีปั้มน้ำมันเล็กๆ ชื่อปั้มอู๊ดบริการ ขับต่อมาอีกราว 150 เมตร ให้ท่านเลี้ยวขวาเข้าหมู่บ้านคลองทรายมุ่งหน้าสู่ป่าเขาแผงม้า สำนักงานเขตฯและจุดสกัดเขาสูงครับ(รายละเอียดอยู่ด้านบนครับ)
- เมื่อท่านเดินทางมาถึงหน้าด่านเก็บค่าบริการแล้วสิ่งที่ต้องปฏิบัตคือจอดรถชิดข้างทางมองดูป้าย กฏ ระเบียบอ่านให้เข้าใจ แล้วเดินตรงเข้าไปที่ป้อมเก็บเงินเสียค่าบริการ ดังนี้
ถ้าท่านจะไปอนพักค้างแรม เสบียงอาหาร เต็นท์นอน ให้เตรียมไปเองครับ ไม่มีร้านอาหารให้บริการมีเพียงร้านสวัสดิการเจ้าหน้าที่ขายน้ำเปล่า น้ำอัดลม ขนมขบเคี้ยวดูกระทิงเพลินๆครับและของฝากที่ระลึก ตุ๊กตากระทิง เสื้อยึด ผ้าพันคอ สติ๊กเกอร์ไปเลือกหาซื้อได้ครับที่ร้านสวัสดิการซ้ายมือตรงลานดูกระทิงนั่นแหละ อีกอย่างเกือบลืมครับสำคัญมาก สิ่งของที่ท่านนำเข้าไปหรือเศษอาหารที่กินแล้ว ขอให้ท่านนำกลับบ้านด้วยนะครับ อย่าปล่อยให้เป็นภาระเจ้าหน้าที่ แค่นี้ท่านก็กลายเป็นผู้ช่วยเหลือสนับสนุนงานอนุรักษ์ให้มีประสิทธิภาพและคุณค่าในอนาคตแล้วครับ
ตอนนี้อัพเดตค่าบริการใหม่ได้มั้ยครับ
ตอบลบ